ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง
(Mental Discipline)
ทิศนา แขมมณี. (2550 : 45 - 50). ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า
นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าจิตหรือสมองหรือสติปัญญา
(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อซึ่งจะแข็งแรงได้ด้วยการฝึกออกกำลังกาย
ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยการให้บุคคลเรียนรู้เรื่อง ที่ยาก ๆ
ยิ่งยากมากเท่าไรจิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
นักคิดกลุ่มนี้มีแนวคิดแยกออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ
1.1 กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า (Theistic
Mental Discipline) นักคิดที่สำคัญของกลุ่ม นี้คือ เซนต์ออกุสติน (St. Augustine)
จอห์น คาลวิน (John Calvin) และคริสเตียน โวล์ฟ (Christian
Wolff) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อ ดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1.มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่วและการกระทำใดๆของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้นภายในตัวมนุษย์เอง
(bad-active)
2.มนุษย์พร้อมที่จะทำความชั่วหากไม่ได้รับการสั่งสอนอบรม
3.สมองของมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็นส่วน ๆ (faculties) ซึ่งหากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้เกิดความเข้มแข็ง
สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
4.การฝึกสมองหรือฝึกระเบียบวินัยของจิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาให้มนุษย์เป็นคนดีและฉลาด
5.การฝึกฝนสมองให้รู้จักคิดต้องใช้วิชาที่ยาก เช่น ปรัชญา วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาลาติน ภาษากรีกและคัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1.การฝึกสมองหรือการฝึกระเบียบของจิตอย่างเข้มงวด
เป็นสิ่งสำคัญในการฝึกให้บุคคลเป็นคนฉลาดและคนดี
2.การฝึกจิตจะต้องทำอย่างเข้มงวด เพื่อให้จิตเข้มแข็ง การบังคับ
ลงโทษเป็นสิ่งจำเป็นถ้าผู้เรียนไม่เชื่อฟัง
3.การจัดให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาวิชาที่ยาก ได้แก่ คณิตศาสตร์
ปรัชญา ภาษาลาตินและภาษากรีก จะช่วยฝึกฝนสมองให้เข้มแข็งได้เป็นอย่างดี
4.การจัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและยึดถือในพระเจ้า
จะช่วยให้ผู้เรียนเป็นคนดี
1.2
ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์ (Humanistic Mental
Discipline) นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ พลาโต (Plato) และอริสโตเติล (Aristotle)
นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อ ดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1.พัฒนาการในเรื่องต่างๆเป็นความสามารถของมนุษย์
มิใช่พระเจ้าบันดาลให้เกิด
2.มนุษย์เกิดมามีลักษณะไม่ดีไม่เลวและการกระทำของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้น
ภายใน (neutral - active)
3.มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลพร้อมที่จะพัฒนาตนเองมนุษย์มีอิสระที่จะเลือกทำตาความเข้าใจและเหตุผลของตน
หากได้รับการฝึกฝนอบรมก็จะสามารถพัฒนาศักยภาพที่ติดตัวมา
4.มนุษย์มีความรู้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่ถ้าขาดการกระตุ้นความรู้จะไม่แสดงออกมา
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1.การพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้คือการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา
2.การพัฒนาผู้เรียนไม่จำเป็นต้องใช้การบังคับ เคี่ยวเข็ญ
แต่ควรใช้เหตุผลเพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการใช้เหตุผล
3.การใช้วิธีสอนแบบโสเครตีส (Socratic Method) คือ การใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้เห็นกระจ่างชัด
เป็นวิธีสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
4.การใช้วิธีสอนแบบบรรยาย (Didactic Method) คือ
การสอนที่ใช้คำถามฟื้นความจำของผู้เรียนแล้วเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
เป็นวิธีสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
เลิศชาย
ปานมุข. (2558). ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า
ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง(Mental Discipline)
นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า
จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก
ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ
ยิ่งยากมากเท่าไร
จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา
http://www.neric-club.com/data.php?page=3&menu_id=97. ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า
จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก
ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ ยิ่งยากมากเท่าไร
จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้
โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic
Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย (Didactic Method)
เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้
กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
สรุป
จากทฤษฎีข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง (Mental
Discipline) เป็นทฤษฎีที่สามารถพัฒนาให้เชี่ยวชาญปราดเปรื่อง
โดยการฝึกจิตหรือฝึกสมองให้บุคคลเรียนรู้ในสิ่งที่ยากมากๆ และยากขึ้นมากเรื่อยๆ
เพื่อให้จิตได้รับการฝึกให้แข็งแกร่ง เพราะจิตเสมือนกล้ามเนื้อของหัวใจยิ่งออกกำลังกายมากเท่าไหร่หัวใจเรายิ่งแข็งแรงมากขึ้น
เป็นทฤษฎีที่เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
ด้วยกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงออกมา ให้เห็นได้มากที่สุด
ซึ่งสามารถใช้วิธีการสอนแบบโซเครติส (Socratic Method) หรือวิธีการสอนแบบบรรยาย (Didactic
Method) เพื่อดึงความรู้ให้ผู้เรียน
และช่วยกระตุ้นส่งเสริม
เพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตร์การสอน
องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เลิศชาย ปานมุข. (2558). http://www.lertchaimaster.com/forum/index.php?topic=36.0.%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561.
http://www.neric-club.com/data.php?page=3&menu_id=97. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561.
http://www.neric-club.com/data.php?page=3&menu_id=97. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น